"รู้หลักขึ้นทะเบียนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ไม่เสียสิทธิที่พึงได้"
คุณสมบัติผู้มีสิทธิจะได้รับเบี้ย มีดังนี้
1.ต้องมีสัญชาติไทย
2.มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตพื้นที่ ตำบลในเมือง ตามทะเบียนบ้าน
3.มีอายุครบ 60 ปี บริบูรณ์ขึ้นไป มีชื่ออยู่ตามทะเบียนบ้านและยืนคำขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อเจ้าหน้าที
ผู้ที่ขาดคุณสมบัติที่จะได้รับเบี้ย มีดังนี้
1.ผู้ที่ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รับวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้แก่
ผู้รับเงินบำนาญ, เบี้ยหวัดและบำนาญพิเศษหรือเงินอื่นใดที่มีลักษณะเดียวกัน
2.ผู้ที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น
3.ผู้ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน รายได้ประจำหรือเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นที่รัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดให้เป็นประจำ ยกเว้นผู้พิการหรือป่วยเอดส์ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ขั้นตอนการยื่นคำขอ สามารถยื่นได้ภายในเดือนพฤศจิกายน ของทุกปี โดยให้ผู้ที่มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปในปีงบประมาณถัดไป
ลงทะเบียนและยื่นคำขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุด้วยตนเอง ต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตนมีภูมิลำเนา
เอกสารที่ต้องเตรียม ได้แก่
1.บัตรประชาชน พร้อมถ่ายสำเนา จำนวน 1 ฉบับ
2.ทะเบียนบ้าน พร้อมถ่ายสำเนา จำนวน 1 ฉบับ
3. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก ประเภทออมทรัพย์ของผู้สูงอายุ (ธนาคารกรุงไทย) จำนวน 1 ฉบับ
ในกรณีที่ผู้สูงอายุย้ายที่อยู่เพื่อให้ได้รับเบี้ยยังชีพอย่างต่อเนื่อง หากผู้สูงอายุได้ย้ายทะเบียนบ้าน ตั้งแต่ 1 ต.ค.-30 ก.ย. ผู้สูงอายุจะได้รับเบี้ยยังชีพจากท้องถิ่นเดิมจนกว่าจะสิ้นปีงบประมาณที่ท้องถิ่นนั้นของบประมาณให้ และหลังจากที่ผู้สูงอายุติดต่อกับเขตท้องที่แห่งใหม่ที่ผู้สูงอายุได้ย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ภายในเดือนพฤศจิกายน
เพื่อแสดงตนว่าต้องการรับเบี้ยยังชีพอย่างต่อเนื่องจากท้องถิ่นแห่งใหม่ โดยให้ผู้สูงอายุแจ้งต่อเจ้าหน้าที่
ของท้องถิ่นเทศบาลแห่งใหม่ว่าเป็นผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพอยู่แล้ว
แต่เนื่องจากย้ายทะเบียนบ้านจึงขอรับเงินเบี้ยยังชีพในเขตท้องถิ่นแห่งใหม่แทน
การจ่ายเบี้ยยังชีพนั้นจะจ่ายตามช่วงอายุหรือเรียกว่าจ่ายตามขั้นบันได
ซึ่งจะเริ่มจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ตั้งแต่เดือนตุลาคมของทุกปี ภายในวันที่ 10 ของทุกเดือน คือ
กลุ่มที่ 1 อายุ 60-69 ปี ได้รับเดือนละ 600 บาท
กลุ่มที่ 2 อายุ 70-79 ปี ได้รับเดือนละ 700 บาท
กลุ่มที่ 3 อายุ 80-89 ปี ได้รับเดือนละ 800 บาท
กลุ่มที่ 4 อายุ 90 ปีขึ้นไป ได้รับเดือนละ 1,000 บาท
กรณีที่ผู้สูงอายุเสียชีวิตให้ญาติรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีและติดต่อขอรับเงินค่าปลงศพ
ที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จำนวน 2,000 บาท ภายใน 30 วัน