
ภาพที่คนไทยทุกคนเห็นแล้ว ซาบซึ้งสุดหาที่จะเปรียบ ในพระจริยาวัตรที่งดงาม อ่อนโยนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อ
พสกนิกรของพระองค์ ไม่เว้นหญิงชราที่ยากจนคนนี้ .... ภาพนี้มีความเป็นมาอย่างไร ติดตามอ่านได้ครับ
... คราเสด็จที่ นครพนม บนเส้นทางรับเสด็จตรงสามแยกชยางกูร-เรณูนคร วันนั้นหลังจากทรงบำเพ็ญพระราชกุศล
ณ วัดพระธาตุพนม วรมหาวิหารเสร็จสิ้นในช่วงเช้าแล้ว ทั้ง 2 พระองค์ได้เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งกลับไปประทับแรม
ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ราษฎรที่รู้ข่าวก็พากันอุ้มลูก จูงหลานหอบกันมารับเสด็จที่ริมถนนอย่างเนืองแน่น
มีครอบครัวจันท์นิตย์ ที่ลูกหลายช่วยกันนำ แม่ตุ้ม จันทนิตย์ วัย 102 ปี ไปรอรับเสด็จ ณ จุดรับเสด็จห่างจากบ้าน 700 เมตร
โดยลูกหลานได้จัดหาดอกบัวสายสีชมพูให้แม่เฒ่าจำนวน 3 ดอก และพาออกไปรอที่แถวหน้าสุดเพื่อให้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทที่สุด
เปลวแดดร้อนแรงตั้งแต่เช้าจนสาย เที่ยงจนบ่าย แผดเผาจนดอกบัวสายในมือของยายเหี่ยวโรย แต่หัวใจรักภักดีของหญิงชรายังเบิกบาน
เมื่อเสด็จฯ มาถึงตรงหน้า แม่เฒ่าได้ยก "ดอกบัวสายโรยราสามดอกนั้น " ขึ้นจบเหนือศีรษะ แสดงความจงรักภักดีอย่างสุดซึ้ง
พระเจ้าแผ่นดินทรงโน้มพระองค์อย่างต่ำที่สุด จนพระพักตร์แนบชิดกับศีรษะของแม่เฒ่า ทรงแย้มพระสรวลอย่างเอ็นดู พระหัตถ์
แตะมือกร้านคล้ำของเกษตรกรชรา ชาวอีสานอยางอ่อนโยน ไม่มีใครรู้ว่าทรงกระซิบคำใดกับแม่เฒ่า แต่แน่นอนว่าแม่เฒ่าไม่มีวันลืม
หลานและเหลนของแม่เฒ่าเล่าว่า "หลังจากเสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯ แล้ว
ทางสำนักพระราชวังได้ส่งภาพรับเสด็จของแม่เฒ่าตุ้ม พร้อมทั้งพระบรมรูปหล่อด้วยปูนพลาสเตอร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชทานผ่านมาทางอำเภอพระธาตุพนม ให้แม่เฒ่าตุ้มไว้เป็นที่ระลึก"..
ในหลวงไม่ทรงลืมราษฎรคนสำคัญที่ทรงพบริมถนนวันนั้น พระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้
อาจมีส่วนชุบชูชีวิต ให้แม่เฒ่ายืนยาวขึ้นอีกด้วยความสุข ต่อมาอีกถึงสามปีเต็ม ๆ
ราษฎรผู้โชคดีที่สุดคนหนึ่ง สิ้นอายุขัยอย่างสงบด้วยโรคชราเมื่ออายุได้ 105 ปี ...
ที่มา facebookเสธ น้ําเงิน