เดือน มกราคม 2558ยุโรป หนาวจัด และจะเข้าสูภาวะเงินฝืดแล้ว
ยามสภาวะอากาศหนาวจัดในยุโรป บางประเทศจะรุนแรงมาก ในภาพคือที่สวิตเซอร์แลนด์ อุณภูมิติดลบ ขนาดคลื่นจาก ลมในแหล่งน้ำใหญ่ซัดมา มันกลายเป็นน้ำแข็งในทันที
ภาพชุดนี้เป็นภาพข้างทเลสาปที่สวิตเซอร์แลนด์
ประชาชน จำเป็นต้องพึ่งเครื่องทำความร้อนในบ้าน หรือ ตามอาคารต่างๆ อย่างมาก
ประเด็นเนืีอหาในตอนนี้ ที่จะสื่อคือ แก็สที่นำมาให้ความร้อนในยุโรป ได้มาจากตะวันออกกลาง 33% และจากรัสเซีย 67% ผ่านมาทางเยอรมัน
แล้วท่อแยก ไปประเทศยุโรปต่างๆ เพื่อทำความร้อน เช่น ผลิตไฟฟ้า ฯลฯ ทำให้ คนยุโรปแทบทุกคน จึงได้ไออุ่นรอดตายจากอากาศหนาว
เพราะรัสเซีย ดังนั้นรัสเซียรู้ว่า ยุโรป ขาดแก็สไม่ได้แน่นอน ประชาชนเล่นงานรัฐบาลตนเองตายแน่
รัสเซียก็เลยทำมึนๆ ขายแก็สให้ EU เก็บค่าแก๊สเป็นดอลลาห์ จากนั้นก็เอามาซื้อทองคำส่งกลับประเทศ ล่าสุดพี่หมีซื้อไปเพิ่มอีก 19 ตัน
ทำให้ EU เริ่มเดือดร้อน เพราะทองคำในตลาดหายไป ราคาทองคำจึงขยับขึ้นนิดหน่อย
จริงๆ แล้วราคาทองคำที่ลดลงช่วงที่ผ่านมา เป็นลักษณะไม่เป็นจริง เพราะเอาทองไปเทียบกับดอลลาห์ ไม่ใช่ราคาทองลดลงจริงๆ
ตอนนี้เมื่อดอลลาห์เริ่มเน่า ราคาทองคำจึงดีดกลับขึ้นไป เพราะเมื่อไปเทียบกับค่าเงินสกุลอื่นแล้ว ทองมันแพงขึ้น เนื่องจากมันหายไปจากตลาด
เพราะพี่หมีขาว กับ กังฟูแพนด้านี่แหละ เล่นกว้านซื้อทองในตลาดไปจนเกลี้ยง คำสั่งซื้อเขามาถี่ยิบ ผลคือ เงินยูโร เน่าเลย
เพราะหาทองคำมาค้ำไม่ได้ ที่มีอยู่ก็แพงขึ้น เมื่อเทียบค่ากับเงินยูโร ที่ด้อยค่าลงกว่า 30% (ค่าเงินอเมริกาอิงน้ำมันเรียก เปโตดอลล่าห์
แต่ประเทศอื่นอิงทองคำ ใครมีทองมาก ค่าเงินก็แข็ง พิมพ์เงินเพิ่มได้มาก มีทองน้อย พิมพ์เงินใหม่เพิ่มได้น้อย)
เงินยูโร จะไปต่อไหวไหม และ จะไหวได้สักกี่วัน เพราะมันได้เกิดภาวะเงินยูโรน็อค จาก "ภาวะเงินฝืด" เข้าให้แล้ว ใครส่งสินค้าออกไปขายยุโรป
เตรียมหาตลาดอื่นรองรับได้เลย เพราะหลังจากนี้คนยุโรป จะแทบไม่ใช้เงิน นักท่องเที่ยวก็จะขี้เหนียวขึ้น
เงินจะหายไปจากตลาดหมุนเวียนเอาดื้อๆ เพราะคนยุโรปจะเก็บอย่างเดียวโดยไม่ใช้เงิน ปรากฎการณ์แบบนี้ มันจะน็อคธุรกิจการค้าใน EU เร็วๆ นี้แน่
จะเห็นคนถูกให้ออกจากงานเพิ่มมากขึ้น ฝรั่งเศส อิตาลี จะเจอแรงกดดันหนัก
จะได้เห็นม็อบคนตกงาน มาก่อหวอดประท้วง ปะทะเดือดกับเจ้าหน้าที่ในไม่นานจากนี้ คนไทยบางคนเกิดมา
ไม่เคยเจอภาวะเงินฝืดว่าเป็นแบบไหน ให้ศึกษา EU ตอนนี้ไว้เป็นบทเรียน
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟสบุ๊คทหารปฏิรูปประเทศไทย