หลวงพ่อฤษีลิงดำ ได้เทศนาสอนอุบาสกอุบาสิกา ตอนหนึ่ง เรื่องอารมณ์ของพระโสดาบัน
เรื่องราวนี้เป็นเรื่องราวของบุคคลในสมัยพุทธกาลที่ชื่อ สุปพุทธกุฎฐิ แปลว่า นายสุปพุทธะผู้เป็นโรคเรื้อน ชายผู้นี้ก็มีอาชีพเป็นขอทานและต้องทนทุกข์ทรมานกับโรคนี้เป็นอย่างมาก
เวลาที่เขาได้เห็นพระพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่บนตอไม้ ก็มีบรรดาประชาชนทั้งหลายแวดล้อมเพื่อมาฟังธรรมในขณะที่พระพุทธองค์ก็กำลังจะแสดงพระธรรมเทศนา
สุปพุทธกุฏฐิก็บังเกิดมีความเลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้นั่งลงตั้งใจจะฟังองค์แสดงธรรม สุปปะพุทธะนั้นรู้ดีว่าตนเองเป็นโรคเรื้อน จึงไม่กล้าที่จะเข้าไปนั่งปะปนกับชาวบ้าน
เพราะเกรงว่าจะถูกรังเกียจ จึงได้นั่งอยู่ท้ายปลายสุดของบรรดาพุทธบริษัท
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้ทรงแสดงธรรมกล่าวถึง โทษของการละเมิดศีล 5 และกล่าวถึง คุณแห่งการปฏิบัติในศีล 5 เป็นต้นครั้นเมื่อพระพุทธองค์ตรัสจบ
ก็ปรากฏว่าบุคคลผู้รับฟังหลาย ๆท่านก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอริยเจ้าคือ เป็นพระโสดาบันบ้าง สกิทาคามีบ้าง อนาคามีบ้าง และ เป็นพระอรหันต์บ้าง
สำหรับท่านที่บรรลุเป็นอรหันต์ก็ขอบรรพชาอุปสมบทในพระพุทธศาสนาทันที
สุปพุทธะผู้เป็นโรคเรื้อนและเป็นยาจกคนนี้ ได้บรรลุเป็น พระโสดาบันก็เดินกลับกระท่อมของตน ในตอนกลางคืน สุปพุทธกุฎฐิ ก็ได้ปรารภถึงพระธรรมเทศนาของพระพุทธองค์ว่า
นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้น ไปจนกว่าจะตาย ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นก็ตามที เรานี้จะไม่ยอมละเมิดศีล 5 เป็นอันขาดเพราะต้องการไปให้ถึงนิพพาน
คืนนั้น สุปปะพุทธกุฎฐิ นอนไม่หลับด้วยอารามดีใจเกิดความปลื้มปีติที่ตนเองได้บรรลุธรรมเป็นโสดาบัน ตั้งใจมั่นว่าวันรุ่งขึ้นก็ตั้งใจจะไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อกราบทูลให้ทรงทราบ
ว่า แม้ตนจะเป็นคนยากจนเข็ญใจและเป็นโรคเรื้อนขนาดนี้ก็บรรลุเป็นโสดาบันได้
ความคิดดังกล่าวทำให้ท้าวสักกะเทวราช (พระอินทร์) ล่วงรู้จึงได้จะทำการทดสอบว่า สุปปะพุทธะผู้นี้จะเป็นบุคคลชั้นโสดาบันจริงหรือไม่ รุ่งเช้าพอสุปปะพุทธะออกจากบ้านตรงไปหาพระพุทธเจ้า
พระอินทร์ก็มาขวางไว้แล้วทำการทดสอบโดยจะทดลองใจว่า ให้สุปปะพุทธะกล่าวคำสาบาน แล้วท่านจะตอบแทนด้วยการเนรมิตแก้วแหวนเงินทองมากมาย
พร้อมทั้งเนรมิตกายให้สวยงามไม่ต้องเป็นโรคเรื้อนอีก ซึ่งหนุ่มสุปปะพุทธะได้ยินก็ดีใจตกปากรับคำว่าจะกล่าวคำตามพระอินทร์
พระอินทร์บอกให้สุปปะพุทธะกล่าวคำว่า พระพุทธเจ้าไม่ใช่พระพุทธเจ้า พระธรรมไม่ใช่พระธรรม พระสงฆ์ก็ไม่ใช่พระสงฆ์ เอาแค่นี้และพูดเล่น ๆ ก็ได้ไม่ต้องตั้งใจ
แต่ท่านสุปพุทธะพอฟังเท่านั้นเกิดความไม่พอใจ ชี้หน้าด่าพระอินทร์ทันทีว่า ท่านพระอินทร์ถ่อยจงถอยไป เจ้ามาพูดอะไรแบบนั้น สำหรับพระพุทธเจ้า พระธรรม
และพระอริยสงฆ์ เป็นสิ่งที่เราเคารพอย่างยิ่ง เวลานี้ท่านมากล่าวว่าเราเป็นคนจน นั้นเราก็จนจริงอย่างท่านว่า แต่จนสำหรับโลกียทรัพย์เท่านั้น
ข้าพเจ้าหาได้จนในอริยทรัพย์ไม่ อริยทรัพย์ของเรานั้นสมบูรณ์ยิ่ง เราเป็นพระโสดาบันแล้ว ท่านจงถอยไป ไอ้โรคเรื้อนจังไรอย่างนี้มันเป็นกับเรามาตลอดกาลตลอดสมัย
เราไม่มีทุกข์ใจ เจ้าสรรหาอะไรมาพูดตามถ้อยคำเลว ๆ ของท่าน จงหลีกไปเดี๋ยวนี้
ฟังเทศน์เสียงหลวงพ่อ
แสดงเจตนา
ข้าพเจ้า นายนิคม พวงรัตน์ ขอแสดงเจตนาเผยแพร่บทความนี้ ให้กับสาธารณะผู้ใดต้องการที่จะนำไปเพื่ออ่าน
หรือจะนำไปเผยแพร่ต่อไป ก็ขอให้นำไปได้เลย ข้าพเจ้าจัดทำขึ้นเพราะมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา
จัดทำขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และอยากให้วิญญูชนได้รับรู้เรื่องราวของพุทธศาสนา
เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติให้ถึงพร้อมด้วย ทาน ศีล ภาวนา อันเป็นรากเหง้าของกุศลกรรม
ขอบุญกุศลเจตนาครั้งนี้ ได้เป็นนิสสัยปัจจัยที่จะนำไปสู่พระนิพพานในชาตินี้ หรือในอนาคตกาลด้วยเทอญ