อันตรธาน 5
ในความเป็นจริงพระพุทธศาสนาก็ค่อยๆเสื่อมตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว เพียงแต่ค่อย
เสื่อมไปทีละน้อย ซึ่งการอันตรธานในพระพุทธศาสนา อันตรธานมี ๕ อย่างคือ
1.อธิคมอันตรธาน อันตรธานเห่งการบรรลุ
2.ปฏิปัตติอันตรธาน อันตรธานแห่งการปฏิบัติ
3.ปริยัตติอันตรธาน อันตรธานแห่งปริยัติ
4.ลิงคอันตรธาน อันตรธานแห่งเพศ
5.ธาตุอันตรธาน อันตรธานแห่งธาตุ
1. อธิคม อันตรธาน อันตรธานเห่งการบรรลุ ก็ค่อยๆเสื่อมตั้งแต่ยุคพันปีแรก พอ
พันปีที่สอง ภิกษุก็ไม่สามารถได้ถึงคุณวิเศษ คือ การบรรลุอรหันต์มี 4 แบบ คือ
1. สุกฺขวิปสฺสโก (ผู้เจริญวิปัสสนาล้วน)
2. เตวิชฺโช (ผู้ได้วิชชา 3 คือ1.บุพเพนิวาสานุสติญาณ 2. จตุตูปาปญาณ 3.อาสาวักขญาณ)
3. ฉฬภิญฺโญ (ผู้ได้อภิญญา 6 —1.อิทธิวิธี 2. ทิพย์โสต 3. เจโตปริยญาณ 4.บุพเพนิวาสานุสติญาณ 5.ทิพย์จักขุ 6. อาสาวักขยญาณ)
4. ปฏิสมฺภิทปฺปตฺโต (ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา4 —1.อัตถะ 2.ธัมมะ 3. นิรุติ 4.ปฏิภาณ )
การบรรลุแบบที่ 2-4 เรียกว่าได้คุณวิเศษด้วย ดังนั้น พอพ้นพันปีที่ 2 จะบรรลุได้เพียงความเป็นพระอรหันต์แบบที่ 1 เท่านั้น
นี่คือคำตอบว่า พระอรหันต์ในปัจจุบัน ไม่สามารถ ล่องหนหายดัว ดำดินบินบน แทรกแผ่นดิน เดินบนน้ำได้ แต่ก็เป็นพระอรหันต์
สิ้นอาสาวะกิเลส เข้าสู่พระนิพพานได้
พันปีที่ 3 ก็บรรลุได้เพียงพระอนาคามี
พันปีที่ 4 ก็ถึงเพียงพระสกทาคามี
พันปีที่ 5 ก็ถึงพียงพระโสดาบันเท่านั้น
2.ปฏิปัตติอันตรธาน อันตรธานแห่งการปฏิบัติ ก็ค่อยๆเสื่อมตั้งแต่สมัยพุทธกาลเช่นกัน
แต่ทีละน้อย จนปัจจุบัน เสื่อมมาก มีการนั่งสมาธิแบบต่าง ๆ ที่นำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับยุคสมัย
จนมีคลิปเผยแพร่ออกในโซเซียล มากมาย โดยมีวัตถุประสงค์ในการพาณิชย์มากกว่าการหลุดพ้น
จนในที่สุดก็ไม่สามารถที่จะถึงข้อปฏิบัติได้ถูกต้องอีกเลย ก็เป็นอันตรธานในข้อปฏิบัติ
3.ปริยัตติอันตรธาน อันตรธานแห่งปริยัติ ก็ค่อยๆเสื่อมไป เนื่องจากมีผู้แต่งเติมคำสอนให้เข้ากับยุคสมัย
เพื่อให้เข้าใจง่าย ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเลย เป็นการหวังดีแต่ผลร้าย คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นอกาลิโกอยู่แล้ว
ผู้ปฏิบัติจะเห็นเองโดยชอบ แต่เมื่อแทรกข้อความเข้าไปเพิ่ม จุดมุ่งหมายเดิมก็เพี้ยนไป เช่นมีการเติม
ว่านิพพานเป็นอัตตา เป็นต้น เพราะสัตว์โลกไม่เข้าใจในพระธรรม ก็เข้าใจผิดและก็แสดงสิ่งที่ผิด
สิ่งที่ถูกก็ค่อยเลอะเลือนไปนั่นเอง
4.ลิงคอันตรธาน อันตรธานแห่งเพศพรหมจรรย์ เมื่อมีความเข้าใจผิด การแต่งกาย อันแสดงถึง
ความเป็นเพศพระภิกษุก็ค่อยๆเปลี่ยนไป ทั้งการปฏิบัติตน เช่นมีพระตุ๊ด เณรแต๋ว นุ่งห่มผ้าจีวรเป็นแฟชั่น
จนท้ายสุด เพศก็เปลี่ยนไป คือ จะมีสัญญลักษณ์ เพียงผ้าจีวรพันคอ ที่เรียกว่า โคตรภูสงฆ์
พระสงฆ์ที่ไม่เคร่งครัด ปฏิบัติเหินห่างธรรมวินัย แต่ยังมีเครื่องหมายเพศ เช่น ผ้าเหลืองเป็นต้น
และถือตนว่า ยังเป็นภิกษุสงฆ์อยู่ สงฆ์ในระยะหัวต่อจะสิ้นศาสนา
ในพระไตรปิฎกก็ได้แสดงว่า ปริยัติสัทธรรม จะดำรงอยุ่ได้ 5 พันปี ซึ่งขณะนี้ก็เป็นเวลาเกินกว่ากึ่งแล้ว
และเมื่อถึงเวลานั้น พระปริยัติไม่มี คือ คำสอนของพระพุทธเจ้าไม่มี พระศาสนาก็ชื่อว่า
เสื่อมสิ้นไป และก็ถึงกาลอวสานของพระศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น เมื่อพระ
ศาสนาเสื่อมถึงที่สุด อันตรธานแห่งพระปริยัติ คือ คำสอนแล้ว
5.ธาตุอันตรธาน พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าจากที่ต่างๆ ก็จะมารวมตัวกันในที่สุดท้าย คือ ต้นพระศรีมหาโพธิ์
ที่พุทธคยา อันเป็นที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า รวมตัวกันเป็นรูปพระพุทะเจ้าอีกครั้ง เทวดามา
ชุมนุมรวมกัน แต่ไม่มีมนุษย์ และไมมีการแสดงธรรม และไฟก็ไหม้พระบรมสารีรกธาตุจน
หมดสิ้น(ธาตุอันตรธาน) ชื่อว่า พระศาสนาอันตรธานสมบูรณ์แล้ว
เราทั้งหลายโชคดี ที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ที่ยังสมบูรณ์อยู่เป็นส่วนมาก และยังมีพุทธบริษัท สืบทอดมาส่งให้
ได้ศึกษา เรียนรู้ ปฏิบัตื สามารถไปสู่หนทางพ้นทุกข์ได้ เห็นเป็นประจักษ์ จากพ่อแม่ครูอาจารย์
พระสุปฏิปันโนผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ยังพอมีให้ได้กราบไหว้บูชา เข้าไปนั่งใกล้ ฟังคำสอน นำไปปฏิบัติ ให้ถึงมรรค ผล
นิพพาน ได้ไม่ยากนัก เพียงแต่ผู้นั้นจะต้องใช้สติปัญญาในการตริตรอง ให้ดี ว่าใช่ของจริงที่ต้องการหรือไม่เท่านั้นเอง
ขอให้ญาติธรรมทั้งหลายจงโชคดี พบเนื้อนาบุญที่แท้จริงด้วยเทอญ
แสดงเจตนา
เรื่องและภาพรวบรวมมาจากอินเตอร์เน็ตที่เจ้าของไม่ได้สงวนสิทธิ์ในการเผยแพร่ไว้
ข้าพเจ้าขออนุโมทนาในเจตนากุศลในการเผยแพร่ธรรมทานอย่างบริสุทธิ์ของท่านเหล่านั้น
หากข้อความใดหรือภาพใดมีผู้หวงห้าม ข้าพเจ้าขออภัยและขอบอกกล่าวว่า ไม่มีเจตนาลักขโมยของท่าน
เพียงนำมาเผยแพร่เป็นธรรมทานให้ผู้สนใจทั่วไป และมีเจตนาให้นำไปเผยแพร่ต่อได้
ขอขอบคุณ เรื่องและภาพจากอินเตอร์เน็ต
นายนิคม พวงรัตน์ รวบรวม เรียบเรียง เผยแพร่